ประท้วงปากีฯเริ่มคลี่คลาย รัฐมนตรียุติธรรมยื่นใบลาออก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ว่าสถานีโทรทัศน์พีทีวีซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลปากีสถานและสถานีวิทยุแห่งชาติของปากีสถาน รายงานในเวลาไล่เลี่กันว่า นายซาฮิด ฮามิด ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีชาฮิด คากัน อับบาซี เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งรมว.กระทรวงยุติธรรมแล้ว โดยฮามิดให้เหตุผลประกอบการลาออกว่า "เพื่อให้บ้านเมืองหลุดพ้นจากภาวะวิกฤติ" ด้านทีแอลวายอาร์เอพีออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา ประกาศระงับการชุมนุมประท้วงต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เพื่อตอบสนองต่อรายงานเรื่องการลาออกจากตำแหน่งของซาฮิด
 

Zahid Hamid resigns after creating disenchantment, anger, frustration, chaos, aggression & violence in Pakistan.

Why not resign earlier?

Entire PMLN represents sheer incompetence, Ineptness & lack of seriousness dealing with sensitive & urgent issues. pic.twitter.com/j3MIj129so

— Usman Dar (@UdarOfficial) November 27, 2017

นายราซูล อัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มทีแอลวายอาร์เอพี

ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองภายในปากีสถานตึงเครียดตลอดทั้งเดือนนี้ และขยายวงกว้างเป็นการปักหลักชุมนุมและเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนตั้งแต่ช่วงกลางเดือน โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและศาสนาในนาม "เตห์รีค-อี-ลาไบค์ ยาห์ ราซูล อัลเลาะห์ ปากีสถาน" ( ทีแอลวายอาร์เอพี ) เป็นแกนนำในการจัดกิจกรรม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมแสดงความโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก ต่อกรณีที่ซาฮิดเปลี่ยนถ้อยคำบางตอนที่ใช้ในพิธีสาบานตนของผู้รับตำแหน่งทางการเมือง จาก "ข้าพเจ้าขอสาบานอย่างเคร่งครัด" เป็น "ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า" ถือเป็นถ้อยคำที่ "หมิ่นศาสนา"

แม้ซาฮิดได้ออกมาขอโทษภายในเวลาอันรวดเร็ว ว่าเป็นความผิดพลาดด้านงานเอกสาร และยืนยันว่าได้แก้ไขข้อมูลทั้งหมดให้กลับมาเป็นดังเดิมแล้ว แต่ยังไแทบไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยการชุมนุมประท้วงบานปลายเป็นการปะทะอย่างดุเดือดระหว่างพลเรือนกับตำรวจปราบจลาจลซึ่งขอคืนพื้นที่ในกรุงอิสลามาบัด มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน และได้รับบาดเจ็บอีกราว 250 คน ส่งผลให้รัฐบาลประกาศขอ "ความช่วยเหลือ" จากฝ่ายกองทัพ ซึ่งยังคงสงวนท่าทีจนถึงตอนนี้ ขณะที่มีรายงานว่าพล.อ.กามาร์ จาเว็ด บัจวา ผุ้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าพบหารือกับอับบาซี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา.

คลิปประกอบ : Al Jazeera English

 

ที่มาของเนื้อหา : www.dailynews.co.th