จอร์แดนประณามยิวคุกคามมัสยิดอัล-อักซอต่อเนื่อง

จอร์แดนได้ประณามการรุกรานอย่างต่อเนื่องของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวต่อมัสยิดอัล-อักซอ ตามรายงานของ Times of Israel โดยระบุว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างมากของจำนวนชาวยิวที่บุกเข้าไปในบริเวณมัสยิดในช่วงวันหยุดของชาวยิว Sukkot

อ้างอิงจาก Likud MK Yehudah Glick ระบุว่าผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิว 2,265 คนได้บุกเข้าไปในบริเวณมัสยิดอัล-อักซอซึ่งเป็นมัสยิดสำคัญแห่งที่ 3 ในศาสนาอิสลาม โดยพบว่ามีจำนวนชาวยิวที่เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับจำนวน 1,611 คนที่เข้ามาในเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว

ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวเข้ามาในบริเวณมัสยิดโดยได้รับการคุ้มครองจากกองทหารที่ีอาวุธหนักครบมือ เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวจะไม่ถูกขัดขวางความพยายามในการบุกเข้าในพื้นที่มัสยิด

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจอร์แดนกล่าวว่าการรุกรานเป็นการกระทำที่ยั่วยุต่อความรู้สึกของชาวมุสลิมทั่วโลก “พฤติกรรมดังกล่าวกล่าวว่าเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ” “นอกจากนี้ยังทำลายความพยายามในการบรรเทาความตึงเครียดและรักษาสถานะทางประวัติศาสตร์ ของมัสยิดอัล-อักซอ” พร้อระบุอีกว่าการที่อิสราเอลอนุญาตให้ชาวยิวบุกเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้เท่ากับเป็นการทำลายความพยายามในการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอล – ปาเลสไตน์

นอกจากนี้กาตาร์ ก็ประณามเช่นกันหลังจากที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวนอกกฎหมาย 500 คนได้บุกเข้าไปในบริเวณมัสยิดดังกล่าวและ ได้ประกาศกร้าวว่าจะสร้าง วิหารของชาวยิวขึ้นที่บริเวณมัสยิดของชาวมุสลิม

ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวได้ เพิ่มจำนวนของการคุกคามที่มากขึ้นต่อมัสยิดอัล-อักซอในช่วงวันหยุดของชาวยิว ทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างมากในกรุงเยรูซาเล็มตะวันออกที่ถูกยึดครอง

ในขณะที่ชาวอิสราเอลได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบริเวณที่ต้องการในมัสยิด แต่ชาวมุสลิมจะต้องเผชิญกับข้อ จำกัด อย่างหนักเมื่อพยายามเข้าสู่พื้นที่เพื่อทำละหมาดทุกวัน

นอกจากนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางการอิสราเอลได้ สั่งห้ามเด็กปาเลสไตน์ ออกไปเล่นในสนามหญ้ารอบ ๆ มัสยิดโดยอ้างว่า “เป็นการเล่นที่ต้องห้าม เพราะละเมิดความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่”

เมื่อเดือนที่แล้วอิสราเอลก็ได้สั่งห้าม Sheikh Najeh Bkeerat ผู้อำนวยการองค์กร Waqf ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดการมัสยิดอัล-อักซอ เข้าไปในบริเวณมัสยิดเป็นเวลา 3 เดือน โดยถือว่าคำสั่งล่าสุดนั้นเป็นครั้งที่ 16 ที่เขาถูกอิสราเอลออกคำสั่งเช่นนี้

ที่มา MEMO

ที่มาของเนื้อหา : i-newsmedia.net